เตรียมตัวคว้าใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer


เตรียมตัวคว้าใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer

หลังจากที่เราได้รู้จักกับเส้นทางสู่ใบรับรอง Associate Cloud Engineer กันไปแล้ว คราวนี้มาถึงทีของใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer ว่า Learning Path ของใบรับรองตัวนี้เป็นอย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมก่อนลงสนามจริง

อ่านเพิ่มเติม  เส้นทางสู่ใบรับรอง Associate Cloud Engineer

1. ใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer สำคัญอย่างไร ?

2. เหมาะสำหรับใคร ?

3. DevOps Engineer คือใคร ?

4. เนื้อหาที่สอบครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง ?

5. การเตรียมตัวสอบ

1. ใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer สำคัญอย่างไร ?

ใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer เป็นใบรับรองที่ออกโดย Google เพื่อรับรองว่าผู้สอบผ่านมีความรู้ความสามารถใน Google cloud ครอบคลุมความเชี่ยวชาญเฉพาะทางดังนี้

  • ความสามารถในการนำแนวคิดด้าน Site reliability engineering (SRE) เพื่อนำไปปรับใช้กับบริการอื่นๆ

  • ความสามารถในการสร้างและปรับใช้ไปป์ไลน์ CI/CD

  • การวางกลไก และตรวจสอบปรับปรุงประสิทธิภาพของ Service

อีกทั้งการถือใบรับรองยังช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งาน เนื่องจากการมีใบรับรองอาจช่วยเพิ่มความแตกต่างและโดดเด่นให้กับ Resume ของเรา ให้เตะตา HR หรือ Recruiter ที่กำลังคัดกรองผู้สมัครนับร้อยคนต่อวัน โดยใบรับรองนี้จะมีอายุ 2 ปีนับจากวันที่ได้รับการรับรอง และหากใบรับรองหมดอายุสามารถทำการรับรองใหม่ได้โดยการลงสอบใหม่อีกรอบ

2. เหมาะสำหรับใคร ?

ใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ด้าน cloud admin, cloud support engineer และอีกหนึ่งสายงานที่ Google ได้ออกใบรับรองนี้มาให้โดยเฉพาะ คือ คนที่ทำงานในสายงาน DevOps engineer นั่นเอง เนื่องจากใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer เป็นใบรับรองที่อยู่ในระดับ Professional ผู้สอบจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ cloud ลงลึกไปมากกว่าระดับ Associate แนะนำว่าควรเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในสายงาน 3 ปีขึ้นไป หรือเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การจัดการโซลูชันบน Google Cloud อย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป 

Google Cloud certified Professional Cloud DevOps Engineer

3. DevOps Engineer คือใคร ?

DevOps หรือคนดูแลในส่วนของการใช้งาน Cloud ย่อมาจากคำว่า Developer และ Ops จาก Operation ดังนั้น Cloud DevOps Engineer จึงเป็นตำแหน่งงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาประสิทธิภาพการดำเนินงานของไปป์ไลน์ จัดส่งซอฟต์แวร์อย่างเต็มรูปแบบ ดูแลในส่วนของการใช้งานคลาวด์ การผลิตและสร้างสมดุลของบริการให้มีความน่าเชื่อถือและรวดเร็ว

4.เนื้อหาที่สอบครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง ?

เนื้อหาภาพรวมของข้อสอบใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer จะเป็นการทดสอบในเรื่องของ Site Reliability Engineering (SRE), Service Performance, Service Monitoring, Service Incidents และ CI/CD pipelines

5.การเตรียมตัวสอบ

โดย Learning Path สำหรับเตรียมตัวสอบใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วน เพื่อการมองเห็นภาพแนวทางการเตรียมตัวสอบใบรับรองตัวนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Part 1 Learn

Part 2 Practice

Part 3 Review

Part 4 Exam

Part 1: Learn

ผู้เรียนควรผ่านการทบทวนและเรียนรู้เพื่อช่วยปรับพื้นฐานและเพิ่มความมั่นใจในเนื้อหาสำหรับการสอบ เช่น การตรวจสอบ การแก้ปัญหาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันบน Google Cloud Platform (GCP) รวมไปถึงการเรียนรู้พื้นฐานในส่วนของ Site Reliability Engineering (SRE) วิธีการใช้ Kubernetes, Jenkins, Google App Engine, Google Compute Engine และเครื่องมืออื่นๆ เป็นต้น

Google Cloud Fundamentals: Core Infrastructure I ( 1 Day )

คอร์สนี้จะแสดงภาพรวมของผลิตภัณฑ์และบริการจาก Google Cloud Platform เช่น เครื่องมือการบริการประมวลผลและพื้นที่เก็บข้อมูลอย่าง Compute Engine, App Engine, Cloud Storage, Cloud SQL และ BigQuery ผู้เรียนจะได้เรียนรู้และเข้าใจเครื่องมือต่างๆเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์บน Google Cloud รวมไปถึงความสำคัญและการรวมโซลูชันบนระบบคลาวด์เข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ

Developing a Google SRE Culture l ( 4 Hours )

หลักสูตรนี้จะช่วยแนะนำแนวทางปฏิบัติที่สำคัญของ Google SRE หรือ Site reliability engineering อย่าง การนำแนวทางปฏิบัติ Cultural และ Technical ของ SRE ว่าหากนำมาปรับใช้กับองค์กรจะสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานร่วมกันระหว่าง ธุรกิจ และ IT ได้อย่างไร หากมีความต้องการสร้าง Culture หรือการสร้างวัฒนธรรมองค์กร จะต้องปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรอย่างไรบ้าง

Architecting with Google Cloud Design and Process I ( 2 Days )

หลักสูตรนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่เนื้อหาในส่วนของ Site reliability engineering (SRE) โดยคอร์สนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการพิจารณาเลือกใช้เครื่องมือ เทคนิค และการออกแบบอย่างไรให้เหมาะสม รวมไปถึงเรียนรู้การกำหนดและสร้างสมดุลระหว่างข้อกำหนดทางธุรกิจ และทาง Technical เพื่อออกแบบการปรับใช้งาน Google Cloud สร้างโซลูชั่นที่มีความน่าเชื่อถือ มีความพร้อมใช้งานสูง และคุ้มค่าต้นทุน

Logging, Monitoring, and Observability in Google Cloud I ( 3 Days )

คอร์สนี้ จะช่วยให้เข้าใจวิธีตรวจสอบ แก้ไขปัญหา และปรับปรุงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานของ Google Cloud เข้าใจหลักการของ Site Reliability Engineering (SRE) เติมเต็มประสบการณ์ในการตรวจสอบแบบ full-stack ค้นหาข้อบกพร่องของการ coding รวมไปถึงการจัดการและวิเคราะห์บันทึกแบบเรียลไทม์ การ debug โค้ดใน production การใช้ CPU และหน่วยความจำ

Part 2: Practice

ในส่วนของพาร์ท Practice จะช่วยเช็คความพร้อมก่อนสอบให้เราได้ว่ายังขาดในเรื่องของอะไรอยู่หรือไม่ เพื่อช่วยลด Gap ทางความรู้ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนลงสนามจริง และช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ฝึกฝน Skils ต่างๆผ่านการทำ Lab ด้วยการเรียนรู้แบบ self- Learning ที่ผู้เรียนสามารถค้นคว้าข้อมูลความรู้เพิ่มเติมจากภายนอก ควบคู่ไปกับการทำ Lab บน Qwiklabs ให้ผ่านไปทีละ Step ขั้นตอน และในส่วนของเนื้อหาที่ทาง Google ได้จัดสรรมาให้ผู้เรียนนั้นจะอยู่ในตัว Google Cloud Skills Boost ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เรียนสามารถลงทะเบียนเข้าไปเรียนรู้และทำ Lab เองได้

Perform Foundational Infrastructure Tasks

ในบทเรียนนี้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการสร้างและเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานของระบบคลาวด์ที่เจาะลึกการใช้ความสามารถพื้นฐานของเทคโลยีจัดเก็บข้อมูลอย่าง Cloud Storage, Identity and Access Management, Cloud Functions และ Pub/Sub 

Implement DevOps in Google Cloud

เนื้อหาสำคัญในบทเรียนนี้จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับ DevOps การเคลื่อนย้ายองค์กรและวัฒนธรรมที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการจัดส่งซอฟต์แวร์ และปรับปรุงความน่าเชื่อถือของบริการ มากไปกว่านั้น ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีสร้างที่เก็บ git โดยใช้ Google Cloud Source Repositories, การเปิดใช้ การจัดการ การปรับขนาดโดยใช้ Google Kubernetes Engine หรือการตั้งค่าคลัสเตอร์ Kubernetes และปรับใช้ Load Balancer ประเภท NGINX โดยใช้ Terraform, การสร้างและตรวจสอบคลัสเตอร์ GKE โดยใช้ Cloud Monitoring และ Cloud Logging , การใช้ Jenkins บน Kubernetes Engine เพื่อพัฒนาไปป์ไลน์การส่งมอบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น 

Monitor and Log with Google Cloud Operation Suite

เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานชุดปฎิบัติการของ Google Cloud อย่าง วิธีการตรวจสอบเครื่องมือเสมือนใน Compute Engine หรือ Cloud Monitoring, การสร้างการแจ้งเตือน Cloud Monitoring, การขยายการตรวจสอบและบันทึกสำหรับ Cloud Functions หรือการสร้างและส่งตัวชี้วัดที่สามารถกำหนดเองสำหรับข้อมูลแอปพลิเคชันให้มีความสมบูรณ์

Measure Site Reliability using Cloud Operation Suite

เรียนรู้วิธีการตั้งค่า Service Level Indicators (SLIs), Service Level Objectives (SLOs),และ Service Level Agreements (SLAs) กำหนดการแจ้งเตือนและการแก้ไขปัญหาแอปพลิเคชันด้วย Cloud Trace, Debugger, Profiler, Monitoring, and Logging

Part 3: Review

หลังผ่านกระบวนการเตรียมตัวมาตั้งแต่ส่วนของการ Learn หรือ Practice ก็จะช่วยเตรียมความพร้อมให้เราในระดับหนึ่ง แต่หากอยากเช็คความพร้อมอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าเราพร้อมลงสนามสอบจริงแล้ว ก็สามารถเพิ่มในส่วนของ Part Review เข้าไปได้โดยการไปทดลองทำตัว Exam Guide หรือแนวทางข้อสอบของใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer ซึ่งในแนวข้อสอบนั้นจะมีจำนวนข้อสอบอยู่ที่ประมาณ 25-30 ข้อ

และอีกหนึ่งส่วนสุดท้ายที่จะสามารถเช็คความพร้อมของเราได้เช่นกัน นั่นคือ การลองไปทำข้อสอบ Sample Questions ซึ่งจะมีจำนวนข้อสอบประมาณ 25 ข้อ และเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วก็ถือได้ว่าจบ กระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อคว้าใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer

Part 4: Exam

การสอบใบรับรอง Professional Cloud DevOps Engineer จาก Google Cloud ผู้สอบสามารถทำได้โดยการเริ่มต้นสร้าง Account ใน Webassessor เพื่อทำการลงทะเบียนสอบ ซึ่งรูปแบบของการสอบ ผู้สอบสามารถเลือกได้ว่าสะดวกสอบแบบไหน สามารถเดินทางไปสอบที่ศูนย์สอบแบบ On-site หรือ เลือกสอบแบบ Online จากที่บ้าน

📍ลงทะเบียนสอบแบบออนไลน์ได้ที่นี่ >> https://www.webassessor.com/googlecloud/

รูปแบบคำถามของข้อสอบจะประกอบด้วย 2 รูปแบบ คือ แบบหลายตัวเลือก (Multiple choice) และแบบหลายคำตอบ (Multiple select) มีระยะเวลาในการสอบ 2 ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายการสมัครสอบอยู่ที่ $200 โดยการชำระค่าสมัครสอบจะต้องชำระผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเท่านั้น

ในส่วนของผลสอบจะไม่มีบอกว่าเราทำถูกหรือทำผิดไปกี่ข้อ แต่จะระบุเป็น PASS หรือ FAIL ซึ่งเราสามารถที่จะทราบผลสอบเบื้องต้นได้ทันทีหลังสอบเสร็จ

Let’s get started!

หากท่านใดสนใจคอร์สเรียนจาก Cloud Ace Thailand ที่ผ่านการรับรองและได้มาตรฐานจาก Google Cloud หรือหากมีคำถามต้องการสอบถามพูดคุยเพิ่มเติม สามารถพูดคุยกับเราได้ที่นี่

ติดต่อเรา th_sales@cloud-ace.com

.
.