DX คืออะไร (What is DX ?)


DX คืออะไร (What is DX ?)

ในปัจจุบันธุรกิจหลายประเภท และหลายองค์กรเริ่มผลักดันให้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในองค์กร และหันมาสนใจ DX เช่นกัน รู้จักกับ DX รวมถึงข้อดีของการใช้ DX ผ่านคลาวด์

อ่านเพิ่มเติม    Cloud (คลาวด์) คืออะไร

1. Digital Transformation (DX) คืออะไร

2. ทำไมต้องใช้ DX ผ่านคลาวด์

3. Cloud Native คืออะไร

4. ความสำคัญของ Cloud Native

5. ความแตกต่างระหว่าง Cloud First กับ Cloud By Default

6. แนวคิดสำคัญขององค์กรในการผลักดันไปสู่ DX

1. Digital Transformation (DX) คืออะไร

Digital Transformation (DX) ถ้าจะแปลตรงตัวเลยก็คือ การเปลี่ยนแปลงเป็นดิจิทัล ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกก็คือ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนจากการวิวัฒนาการของเทคโนโลยีดิจิทัล DX เป็นแนวความคิดที่เกิดขึ้นในปี 2004 จาก Erik Stolterman ซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย Umeå ประเทศสวีเดน เขามองว่าเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ จะทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น

2. ทำไมต้องใช้ DX ผ่านคลาวด์

เราจะมาอธิบายถึงเครื่องมือดิจิทัลแต่ละชนิดสำหรับการทำ DX และข้อดีของการทำโดยใช้คลาวด์ รวมถึงเปรียบเทียบกับแบบ On-Premise

สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นใช้งาน

ในด้านค่าใช้จ่ายเช่น ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งครั้งแรกหรือค่าใช้จ่ายในการรันระบบ เมื่อเปรียบเทียบกับแบบ On-Premise ที่ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในบริษัท แบบคลาวด์จะมีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ Public Cloud อย่างเช่น AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure จะใช้ระบบเก็บเงินตามปริมาณการใช้งาน หมายความว่าเราต้องจ่ายแค่ในส่วนที่ใช้งานเท่านั้น ซึ่งทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

อ่านเพิ่มเติม     รู้จักกับ Public Cloud

วางระบบได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับแบบ On-Premise นั้น หากต้องการวางระบบขนาดใหญ่หรือจัดเตรียมอุปกรณ์อย่างเช่น เครื่องเซิร์ฟเวอร์ ตามปกติแล้วอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยทีเดียว ในทางกลับกัน ถ้าเราทำ DX โดยการใช้คลาวด์ เราจะสามารถย่นเวลาในการสร้างวางระบบได้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มติดตั้งจนถึงสามารถใช้งานได้ ผลก็คือ ช่วยให้เราสามารถเริ่มงานหรือบริการรูปแบบใหม่ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และยังช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันอีกด้วย

สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและยุคสมัยได้อย่างยืดหยุ่น

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนต้องจับตามอง บริการโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure Service) ต่างๆ ก็พัฒนาขึ้นทุกวันเช่นกัน หากเป็นแบบ On-Premise การจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตลาดที่มักเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ เราจะต้องปรับปรุงหรือเปลี่ยนระบบที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการเปลืองแรงเป็นอย่างมาก เช่น ต้องมีจำนวนบุคลากรที่เพียงพอ หรือจัดตารางเวลาให้เหมาะสม ซึ่งถ้าเป็นคลาวด์จะสามารถตอบสนองต่อปัญหาเช่นนี้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น

แนวคิด Cloud Native เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
สำหรับการใช้ DX

3. Cloud Native คืออะไร

Cloud Native คือ การรันระบบโดยใช้คลาวด์เป็นพื้นฐาน และใช้ประโยชน์จากจุดนั้นให้มากที่สุดและเหมาะสมที่สุด

แค่การย้ายระบบจากแบบ On-Premise มาสู่คลาวด์ อาจจะยังไม่สามารถพูดได้ว่าเราบรรลุเป้าหมายของ DX อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้ ในไม่กี่ปีมานี้ที่ DX กำลังเป็นที่สนใจ ผู้คนจึงเริ่มหันมาเลือกใช้คลาวด์ และมีการพัฒนาระบบที่ใช้ประโยชน์จากลักษณะพิเศษของคลาวด์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง

คำว่า Cloud Native ได้มีการจำกัดความโดย Cloud Native Computing Foundation (CNCF) ไว้ดังต่อไปนี้

เทคโนโลยี Cloud Native จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและรัน application ที่สามารถปรับขนาดได้ (scalable) บนสภาพแวดล้อมสมัยใหม่แบบไดนามิก เช่น private, public และ hybrid cloud ตัวอย่างองค์ประกอบหลักๆ ได้แก่ container, service mesh, microservice, immutable infrastructure, และ declarative API

ด้วยเทคนิคเหล่านี้ จะทำให้ระบบเชื่อมต่อกันอย่างหลวมๆ (loosely-coupled system) ซึ่งทำให้ฟื้นฟูได้ง่าย จัดการง่าย และสังเกตการณ์ได้ (observability) และเมื่อมารวมกับระบบอัตโนมัติที่แข็งแกร่งแล้ว จะช่วยให้วิศวกรทำการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบได้บ่อยขึ้น ใช้แรงงานน้อยที่สุดและคาดการณ์ได้

CNCF พยายามผลักดันให้นำกระบวนทัศน์นี้ไปใช้ โดยการส่งเสริมและรักษาระบบนิเวศของ open source ซึ่งเป็น vendor-neutral projects โดยพวกเราจะนำรูปแบบที่ล้ำสมัยที่สุดมาให้ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมเหล่านี้ได้

4. ความสำคัญของ Cloud Native

ในช่วงกลางยุค 2000 ระบบแบบ On-Premise ยังคงเป็นกระแสหลักอยู่ แต่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาบริการคลาวด์อย่าง เช่น IaaS, PaaS, SaaS ได้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่สงสัยเกี่ยวกับการเริ่มต้นใช้งานหรือการย้ายไปคลาวด์เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แต่เกิดเป็นคำถามใหม่ว่า ‘จะนำข้อดีของคลาวด์ไปใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์

เมื่อระบบต่างๆ ถูกพัฒนาขึ้นไปอีก ความยืดหยุ่นจะเป็นสิ่งที่ถูกถามหาในทุกๆ ระบบอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้ แนวคิด Cloud Native ที่ตอบโจทย์คำถามที่ว่า ‘จะเอาคลาวด์ไปใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง’ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

*กระบวนการการย้ายจาก On-Premise มาสู่คลาวด์จะเรียกว่า Cloud Shift


5. ความแตกต่างระหว่าง Cloud First กับ Cloud By Default

คำที่มักจะถูกเข้าใจว่ามีความหมายเหมือนกับ Cloud Native คือ Cloud First และ Cloud By Default

Cloud First มีความหมายว่า การให้ความสำคัญกับการใช้คลาวด์เมื่อต้องการสร้างหรือนำเข้าระบบ

หากให้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็คือ การใช้หรือนำเข้าระบบคลาวด์ที่มีผู้ให้บริการอยู่แล้ว (เช่น SaaS) โดยไม่ต้องใช้ระบบหรือ application ที่เป็นของบริษัทเองโดยเฉพาะ

แต่ Cloud By Default จะสนับสนุนการใช้คลาวด์มากขึ้นไปอีกคือ เลือกใช้คลาวด์เป็นตัวเลือกแรกเมื่อต้องการสร้างระบบ ฯลฯ

เมื่อสรุปความโดยอิงจากที่กล่าวมานั้น Cloud First และ Cloud By Default จะเป็นคำที่สนับสนุนการใช้คลาวด์ แต่ Cloud Native จะเหนือกว่านั้นคือมีความหมายแฝงว่า ‘จะนำคลาวด์ไปใช้ประโยชน์ ใช้ให้เหมาะสมที่สุดอย่างไร’

6. แนวคิดสำคัญขององค์กรในการผลักดันไปสู่ DX

หากองค์กรต้องการหลุดพ้นจากระบบดั้งเดิมอย่าง On-Premise เพื่อทำตามแนวคิด Cloud Native และผลักดันไปสู่ DX จะต้องมีองค์ประกอบ 4 อย่างดังต่อไปนี้

Mindset

เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของ DX อย่างแท้จริง จำเป็นจะต้องมีกลไกและระบบที่คอยตรวจสอบสมมติฐานซ้ำๆ และรวดเร็วหลังจากนำเข้าเครื่องมือหรือระบบ เมื่อเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ความผิดพลาดมักจะตามมาเสมอ แต่การใช้ผลลัพธ์นั้นในการตรวจสอบครั้งต่อไป และทำซ้ำไปเรื่อยๆ จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำ DX

ระบบสนับสนุน

เมื่อพูดถึงระบบ การแบ่งหน้าที่ให้ผู้เกี่ยวข้องในการผลักดัน DX ในแต่ละแผนกและแต่ละคนให้ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ เนื่องจาก DX เป็นแนวคิดที่ปฎิวัติและหลุดพ้นออกจากแนวคิดเก่าที่เคยมีมา จึงไม่แปลกที่จะมีแรงต่อต้านหรือความเห็นต่างเกิดขึ้น เช่นนี้แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการจัดระบบที่ทำให้ทุกแผนกให้ความร่วมมือกับแผนกผลักดัน DX โดยการจัดตั้งบุคคลที่สามที่เป็นคนกลางขึ้นมา

การรักษาและพัฒนาบุคลากร

การรักษาและพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการผลักดัน DX ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย มีองค์กรมากมายที่กำลังพิจารณาที่จะผลักดัน DX แต่ขาดบุคลากรที่มีความรู้เพียงพอในด้าน IT บุคลากรที่เป็นที่ต้องการเป็นพิเศษนั้น นอกจากเรื่อง DX แล้ว ยังต้องเป็นผู้ที่เข้าใจความต้องการทางธุรกิจและรู้เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำสมัยต่างๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ในการจะผลักดัน DX นั้น หากเป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งด้านการบริหารและโครงสร้าง เมื่อต้องเผชิญกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ก็มักจะเจออุปสรรคได้ง่ายอยู่แล้ว ดังนั้นการกล้าตัดสินใจปฎิวัติโดยไม่ยึดติดกับแผนกหรือตำแหน่งงานก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน


งบประมาณ

แน่นอนว่าการทำ DX นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล โดยพื้นฐานแล้ว การลงทุนที่คุ้มค่าเป็นสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง แต่ความรวดเร็วในการนำเข้าก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องใส่ใจในเวลาเดียวกัน เนื่องจากว่า หากต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปจนทำให้การนำเข้าเกิดความล่าช้าและช้ากว่าคู่แข่งรายอื่น อาจส่งผลให้สูญเสียโอกาสครั้งใหญ่

สรุป

เทรนด์ในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนจาก On-Premise ไปสู่คลาวด์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองดูจากหลายๆ มุมมองแล้ว การรันระบบของหลายๆ องค์กรดูจะเหมาะกับระบบคลาวด์มากกว่า On-Premise ที่ใช้อยู่

อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงก็มีบางระบบที่ไม่เหมาะกับคลาวด์อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจากนี้ไปแต่ละองค์กรอาจจะต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณา Cloud Ace ของเรามีบริการให้คำปรึกษา เช่น การตรวจสอบความเป็นไปได้ในการทำ DX การสร้าง Vision Map ที่จะช่วยในการวางแผนและผลักดันการทำ DX


Make It Now!

หากคุณสนใจต้องการคำปรึกษา Cloud Ace Thailand พร้อมให้บริการที่จะสนับสนุนคุณตั้งแต่ การให้คำปรึกษา จนถึงการออกแบบระบบ ติดตั้งระบบ ย้ายระบบ ในฐานะ Google Cloud Partner ที่มีความเชี่ยวชาญ และได้รับรางวัล Service partner of the year ในปี 2019

ติดต่อเรา th_sales@cloud-ace.com

.
.